บทความ

18ธ.ค.

แสงเพชรสีรุ้ง กุญแจสำคัญของการเปล่งประกาย และความมีมิติของเพชร

บทความ | 605 วิว

แสงเพชรสีรุ้ง กุญแจสำคัญของการเปล่งประกาย และความมีมิติของเพชร

เพชรแท้ มีอยู่หลากหลายเกรด ตั้งแต่ D, E, F ไล่ไปจนถึงเกรดสูงสุด คือ เกรด A ซึ่งหมายถึงความใสสะอาดและบริสุทธิ์ของเพชร แต่อะไรที่จะทําให้มองเห็นถึง "มิติ" หรือความมีชีวิตชีวาของเพชรแต่ละเม็ด และรู้ได้ว่าเพชรเม็ดนั้นๆ มีค่ากว่าเพชรอีกเม็ดกันล่ะ? คำตอบก็คือ แสงสีรุ้ง ที่เกิดจากการหักเหของแสงบนผิวเพชรนั่นเอง ซึ่งแสงเพชรนี้ เป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่สามารถกําหนดราคา และคุณภาพเพชรได้เป็นอย่างดี 

โดยในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงความสำคัญของการเปล่งประกาย และความมีมิติของเพชร หรือที่เรียกกันว่า “แสงเพชรสีรุ้ง” นี้กัน จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย!
 

การเจียระไนเพชร คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร

การเจียระไนเพชร คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร

การเจียระไนเพชร เป็นกระบวนการขัดเกลาเพชรดิบให้กลายเป็นเพชรที่สวยงาม มีค่า เปล่งประกายระยิบระยับ (Diamond Sparkle) โดยการนําเพชรดิบที่ขุดได้จากเหมืองไปขัดแต่งผิว และตัดแต่งรูปทรงให้มีเหลี่ยมชัดเจน ผิวเรียบเป็นมัน มีความสมมาตรมากขึ้น และทำให้เพชรมีแสงสีรุ้ง การเจียระไนเพชรจึงเป็นการสร้างคุณค่า และราคาให้กับตัวเพชร เพราะยิ่งเจียระไนได้ดี มีฝีมือประณีต ละเอียดอ่อนเท่าไหร่ เพชรก็จะยิ่งมีราคาแพงมากขึ้นเท่านั้น
 

ประกายของเพชรในระดับ Ultimate Light Performance

ประกายของเพชรในระดับ Ultimate Light Performance

การเปล่งประกายของเพชร หรือแสงเพชรในระดับ Ultimate Light Performance หมายถึง เพชรที่เปล่งประกายระดับสูงสุด โดยมีคุณสมบัติ ดังนี้

  • เหลี่ยมเพชรคมชัด ไม่มีรอยตําหนิ
  • ผิวเพชรเรียบเป็นมัน สะท้อนแสงได้อย่างสวยงาม
  • มีความสมมาตรของรูปทรงสูง ไม่ผิดรูป
  • น้ําหนักของเพชรสูง บ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ของคุณภาพ

การเปล่งประกายในระดับสูงสุดนั้น ต้องผ่านกระบวนการเจียระไนที่ประณีตและละเอียดอ่อน ซึ่งต้องอาศัยช่างผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ


แสงสีรุ้ง เกิดจากอะไร

แสงสีรุ้ง เกิดจากอะไร

แสงสีรุ้ง (Fire) คือ ปรากฏการณ์แสงที่เกิดการแตกหัก และสะท้อนของแสงในเพชร แล้วแยกออกมาเป็นสีต่างๆ ซึ่งจะคล้ายกับรุ้งที่เราเห็นบนท้องฟ้าหลังฝนตกในช่วงเช้า โดยแสงสีรุ้งจประกอบไปด้วยแสงสีแดง เขียว น้ําเงิน หรือม่วง เปล่งประกายออกมาที่ปลายเหลี่ยมของเพชร ซึ่งความจริงแล้ว แสงสีรุ้งเกิดขึ้นจากการหักเห ของแสงเมื่อผ่านการเจียระไนเพชร กล่าวคือ ในกระบวนการเจียระไนเพชร จะใช้การขัดผิวเพชรให้เกิดความเรียบวาว เมื่อแสงตกกระทบกับผิวเพชร จึงทำให้เกิดการหักเหของแสงไปทุกทิศทาง ทําให้แสงเพชรแตกออกเป็นสีต่างๆ หลากหลายสีนั่นเอง

แสงสีรุ้งจากเพชร มีความสำคัญอย่างไร?

แสงเพชรสีรุ้ง ถือเป็นคุณลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งที่บ่งบอกถึงคุณภาพ และราคาของเพชรได้เป็นอย่างดี โดยเพชรที่มีแสงรุ้งสวยงาม จะแสดงให้เห็นถึงการเจียระไนที่ประณีตและมีฝีมือ นอกจากนี้ แสงสีรุ้งที่สวยงามยังแสดงให้เห็นถึงความใสสะอาดและบริสุทธิ์ของเนื้อเพชร ความสมบูรณ์ของโครงสร้างผลึก และระดับความเป็นเพชรที่สูง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยบ่งบอกได้ว่าเป็นเพชรที่มีคุณภาพสูง ทําให้มีราคาแพงตามไปด้วย 

ดังนั้น ในการกําหนดราคาเพชร นักวิเคราะห์เพชรจึงให้ความสําคัญกับแสงรุ้งเป็นอย่างมาก เพราะมันเป็นตัวกำหนดถึงคุณภาพภายในของเพชรนั่นเอง ซึ่งยิ่งเพชรมีแสงสีรุ้งสวยงามเท่าไหร่ ราคาก็จะสูงตามไปด้วยเท่านั้น นับว่าเป็นเอกลักษณ์พิเศษที่หาได้ยากและมีค่าอย่างมากเลยทีเดียว
 

เพชรแท้ หรือเพชรเทียม ดูได้อย่างไร?

ปัจจุบันมีเพชรปลอมที่ถูกออกแบบมาให้ใกล้เคียงกับเพชรแท้อยู่มากมายในท้องตลาด ซึ่งวิธีการสังเกตและตรวจสอบความแท้-เทียมของเพชรเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากก่อนการเลือกซื้อเพชร มาดูกันว่าขั้นตอนการพิจารณา และวิธีตรวจสอบเพชรแท้ หรือเพชรเทียม จะมีอะไรบ้าง?


พิจารณาจากหลัก 5Cs ตามฉบับ AURORA Diamond

พิจารณาจากหลัก 5Cs ตามฉบับ AURORA Diamond

สำหรับใครหลาย ๆ คนที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับเพชร คงคุ้นเคยกับหลัก 4Cs ที่เป็นมาตรฐานสากลในการประเมินคุณภาพของเพชรกันมาบ้างแล้ว ได้แก่ Cut, Carat, Color และ Clarity แต่รู้หรือไม่ว่า? AURORA Diamond มีมาตรฐานสูงถึง "5Cs" โดยมีสถาบันระดับโลกอย่าง De Beers (เดอ เบียร์ส) และ Sarine (ซารีน) ในการรับรองคุณภาพเพชรอีกด้วย

ซึ่งหลัก 5Cs ตามมาตรฐานของ AURORA Diamond มีรายละเอียด ดังนี้

  • Cut: การตัดเพชร หรือ Cut the diamond จะต้องตัดอย่างประณีต ละเอียดอ่อน เพื่อให้แสงสะท้อนออกมาอย่างสวยงามที่สุด
  • Carat: น้ําหนักของเพชร ยิ่งหนักเท่าไหร่ก็จะยิ่งหายากมีค่ามากขึ้น
  • Color: สีของเพชร ต้องใสสะอาด ไร้สี จะทําให้คุณภาพสูงและราคาแพง
  • Clarity: ความบริสุทธิ์ของเพชร ไม่มีรอยตําหนิภายใน เนื้อเพชรต้องใสสะอาด
  • Confidence:  ความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับเพชรที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐาน 5Cs จริง

 

ดูการสะท้อนแสง

การสังเกตการสะท้อนของแสงเพชร เป็นวิธีที่บ่งบอกความแตกต่างระหว่างเพชรแท้ และเพชรเทียมได้เป็นอย่างดี โดยเมื่อนําเพชรไปตั้งให้โดนแสง เพชรแท้จะมีการสะท้อนแสงเพชรอย่างสวยงาม และเกิดปรากฏการณ์แสงสีรุ้งที่เปล่งประกายระยิบระยับ (Diamond Sparkle) ซึ่งเป็นผลมาจากการเจียระไนที่ประณีตบนผิวเพชร ในขณะที่แสงสะท้อนของเพชรเทียมจะดูธรรมดา ไม่มีมิติ เพราะทําจากวัสดุประดิษฐ์ที่ขาดกรรมวิธีในการเพิ่มเติมความงามลงไป

 

สังเกตน้ำหนัก

เพชรแท้นั้น มีความหนาแน่น และความบริสุทธิ์สูงมาก จึงมักจะมีน้ําหนักมากกว่าเพชรเทียมที่ทําจากวัสดุเทียม ยกตัวอย่างเช่น เพชร 1 กะรัต ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 0.2 กรัม จะหนักกว่าเพชรเทียม 1 กะรัต ซึ่งอาจหนักเพียง 0.15 กรัม เป็นต้น

 

การมองทะลุ

ลองใช้วิธีสังเกตโดยการ “มองทะลุเพชร” เพื่อดูว่าภายในเนื้อเพชร มีรอยตําหนิหรือความบริสุทธิ์ของเนื้อเพชรเป็นอย่างไร เพราะสิ่งนี้จะบ่งบอกถึงระดับคุณภาพได้นั่นเอง

 

ทดสอบด้วยกล้อง 10X

กล้องขยายนี้จะมีกําลังขยายสูง ทําให้มองเห็นรายละเอียดภายในเนื้อเพชรได้ชัดเจนมากขึ้น เมื่อส่องกล้องไปที่เพชรแท้ คุณจะเห็นผลึกภายในก้อนเพชรปรากฏออกมา ในขณะที่เพชรเทียมจะดูเหมือนเนื้อเดียวกันหมดไม่มีผลึก เพราะทํามาจากวัสดุเทียม เช่น แก้ว หรือ โลหะผสม

 

เครื่องตรวจเพชร

เครื่องตรวจเพชร หรือ Diamond Tester เป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่จะบอกได้ว่าเป็นเพชรแท้หรือเพชรเทียม โดยการนําเพชรไปจุ่มลงในช่องทดสอบของเครื่อง ซึ่งภายในจะมีปลายแหลม เมื่อกดปุ่มทดสอบ ปลายแหลมนั้นจะค่อยๆ กดเข้าหาเพชร และจะมีไฟ LED ติดสี ที่บอกผลของความแท้เทียมของเพชร ซึ่งวิธีสังเกต คือ เพชรแท้จะนําไฟฟ้าได้ดี เมื่อถูกกดจะทําให้วงจรไฟฟ้าสมบูรณ์ ทําให้ LED ติดสีเขียว แตกต่างจากเพชรเทียมที่ LED จะติดเป็นสีแดง

 

ตรวจสอบใบเซอร์

อีกวิธีหนึ่งที่สามารถบอกได้แน่ชัดว่า เพชรที่เราซื้อนั้นเป็นเพชรแท้ 100% คือ การขอดู "ใบรับประกันหรือเซอร์ติฟิเคท" (Diamond Certificate) จากร้านค้า ซึ่งใบเซอร์ติฟิเคท เป็นเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐหรือสถาบันเพชรระดับสากล เพื่อรับรองคุณสมบัติและคุณภาพของเพชรอย่างละเอียด เช่น น้ําหนัก เส้นผ่านศูนย์กลาง ความบริสุทธิ์ สี และคุณภาพการเจียระไน เป็นต้น

 

เพชรเรืองแสง (Fluorescence) กับเพชรแสงสีรุ้งต่างกันอย่างไร

คําถามที่มักได้ยินอยู่บ่อยๆ จากผู้ที่สนใจเพชร คือ แสงเพชรสีรุ้งจากเพชรกับเพชรเรืองแสงต่างกันหรือเปล่า? และคําตอบก็คือ แสงสีรุ้งกับแสงเรืองของเพชรนั้นเกิดจากกลไกที่แตกต่างกัน โดยแสงสีรุ้ง คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการหักเหของแสงในตัวเพชร ด้วยการเจียระไนผิวเพชรให้เกิดเหลี่ยม 

ส่วนเพชรเรืองแสงนั้น คือเพชรที่มีธาตุหายากอยู่ภายใน ทําให้เมื่อถูกแสงยูวี (UV) จะเรืองแสงฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescence Diamond) หรือแสงเรืองสีน้ำเงินออกมา ดังนั้น สิ่งที่ทําให้เกิดแสงสีรุ้งกับแสงเรืองจึงแตกต่างกัน ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมอบความงดงามให้กับเพชรเหมือนกันก็ตาม
 

สรุป

แสงสีรุ้ง  (Fire) คือ การหักเหของแสงในเพชรที่เกิดเป็นสีรุ้ง เปล่งประกายออกมาที่ปลายเหลี่ยมของเพชร ซึ่งได้ผ่านกระบวนการเจียระไนเพชรด้วยการขัดผิวเพชรให้เกิดความเรียบวาว เมื่อแสงตกกระทบกับผิวเพชร จึงทำให้เกิดการหักเหของแสงไปทุกทิศทาง และแตกแสงเพชรออกเป็นสีต่างๆ หลากหลายสีนั่นเอง โดยเพชรที่มีแสงรุ้งสวยงาม จะแสดงให้เห็นถึงการเจียระไนที่ประณีตและมีฝีมือ นอกจากนี้แสงสีรุ้งที่สวยงามยังแสดงให้เห็นถึงความใสสะอาดและบริสุทธิ์ของเนื้อเพชร ความสมบูรณ์ของโครงสร้างผลึก และระดับความเป็นเพชรที่สูง ยิ่งเพชรมีแสงสีรุ้งสวยงามเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งสูงตามไปด้วยเท่านั้น นับว่าเป็นเอกลักษณ์พิเศษที่หาได้ยากและมีค่าอย่างมากเลยทีเดียว

สำหรับใครที่กำลังมองหาเพชรแท้น้ำงามอยู่ ลองแวะมาเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ AURORA Diamond ของเรา เพราะมีเครื่องประดับให้เลือกมากมายตามต้องการ โดยเราได้คัดสรรเพชรที่เปล่งประกายงดงามที่สุดระดับ Ultimate Light Performance ซึ่งความงดงามที่สามารถสัมผัสได้ด้วยตาเปล่า สมบูรณ์แบบทั้งประกายแสง (Brilliance) ประกายแสงสีรุ้ง (Fire) ความระยิบระยับ (Sparkle) และความสมมาตรของแสง (Light Symmetry) ซึ่งเป็นเพชรที่ได้คุณภาพโดยการรับรองจากสถาบันชื่อดังระดับโลกอย่าง De Beers พร้อมบริการที่น่าประทับใจจากเรา รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน! 

Facebook Messenger
Line