บทความ

17พ.ย.

พาส่อง 9 เทคนิคการฝังเพชร ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ใช้งานได้จริง

บทความ | 874 วิว

พาส่อง 9 เทคนิคการฝังเพชร ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ใช้งานได้จริง

การฝังเพชร นอกจากจะช่วยให้เพชรติดทนอยู่กับแหวนได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับแหวนได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นแหวนทองขาว หรือทองคำ หากฝังเพชรก็จะเพิ่มความสวยงามและเพิ่มมูลค่าให้ตัวแหวนได้ บทความนี้จะพาไปดูการฝังเพชรว่าคืออะไร เทคนิคฝังเพชรแต่ละแบบเป็นอย่างไร มีจุดเด่นอย่างไรบ้าง เหมาะสำหรับใครและไลฟ์สไตล์แบบไหน ไปดูกันเลย

ทำความรู้จัก การฝังเพชร คืออะไร

ทำความรู้จัก การฝังเพชร คืออะไร

การฝังเพชร คือ เทคนิคการยึดเกาะเพชรไว้บนแหวน โดยสามารถยึดได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นกับรูปทรงของเพชร การออกแบบแหวนเพชร และการใช้งานว่าต้องการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน หรือสวมใส่ในโอกาสพิเศษต่างๆ โดยการฝังเพชรสามารถฝังได้กับทั้งแหวนเงิน แหวนทองขาว และแหวนทองคำ โดยแหวนแต่ละแบบก็จะเหมาะกับการฝังเพชรที่แตกต่างกัน เพื่อให้ภาพรวมของแหวนออกมาสวยงาม

9 เทคนิคการฝังเพชรยอดนิยม มีอะไรบ้าง

การฝังเพชรแต่ละวิธีจะให้ลวดลายความสวยงาม ความเปล่งประกายของเพชร ความเหมาะสมในการสวมใส่ และจุดเด่นอื่นๆ ที่แตกต่างกัน ลองไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีวิธีฝังเพชรแบบใดบ้าง

การฝังเพชรหนามเตย

1. การฝังเพชรหนามเตย (Prong Diamond Settings)

การฝังเพชรแบบหนามเตย เป็นวิธีฝังเพชรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมีลักษณะของแท่งที่เกี่ยวยึดเกาะเพชรเอาไว้ เหมาะใช้กับแหวนเพชรเม็ดเดี่ยว แหวนหมั้น หรือแหวนแต่งงานของสาวๆ ซึ่งมักพบเห็นกันแบบ 4 หนามเตย และแบบ 6 หนามเตย หรืออาจมีจำนวนอื่นๆ ก็ได้ตามแต่การออกแบบ การฝังเพชรในลักษณะนี้ใช้พื้นที่ยึดเกาะเพชรน้อย เมื่อมีแสงตกกระทบ แสงจะลอดผ่านเพชรได้มาก ทำให้เพชรส่องประกายดูสวยโดดเด่น เพิ่มลุคให้ดูหวาน และหรูหราในเวลาเดียวกัน

การฝังเพชรแบบหนามเตยมีลูกเล่นอยู่หลายแบบให้เลือกสวมใส่ตามสไตล์ที่ชอบ ตัวอย่างรูปแบบที่นิยม เช่น หนามเตยกลม หนามเตยหัวใจ หนามเตยหยดน้ำ หนามเตยสี่เหลี่ยม หนามเตยคู่ และหนามเตยหัวเรือ ซึ่งการฝังเพชรหนามเตยเหมาะกับการฝังบนแหวนทองขาว เพื่อเสริมประกายให้กับเพชรอย่าง แหวนเพชรเม็ดเดี่ยว SPARKLE COLLECTION (WHITE GOLD) แหวนฝังเพชรเม็ดเดี่ยว สะท้อนประกายความงดงามในทุกองศา ด้วยเทคโนโลยีเจียระไนที่ช่วยเพิ่มประกายเพชรให้ดูมีขนาดใหญ่ และโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

การฝังเพชรแบบเตยร่วม

2. การฝังเพชรแบบเตยร่วม (Shared Prong Settings)

การฝังเพชรแบบเตยร่วม มีลักษณะคล้ายกับการฝังเพชรหนามเตย แต่เป็นการเกี่ยวยึดเพชรเพื่อทำแหวนเพชรแถวเรียงๆ กัน หรือทำเป็นบ่าข้างของแหวนเพชรชู วิธีฝังเพชรแบบเตยร่วมทำโดยการใช้หนามเตย 1 อัน เพื่อทำหน้าที่ยึดเกาะเพชรไว้ 2 เม็ด ทำให้เพชรไม่ถูกบดบังมากนัก และสามารถเล่นไฟส่องประกายได้ดี แต่ต้องมีการทะนุถนอมในการใช้งานเล็กน้อย ไม่ควรสวมใส่ทำกิจกรรมหนักๆ เพราะหากหนามเตยหัก หรือบิ่น อาจทำให้เพชรหลุดออกจากกันได้ 

หากใช้วิธีฝังเพชรแบบเตยร่วม เพื่อเกี่ยวยึดเพชรบ่าข้างของแหวนชู จะเหมาะกับแหวนเงิน หรือแหวนทองขาวมากกว่า เพราะช่วยเสริมความสวยงาม และความโดดเด่นให้เพชรตรงกลางได้ แต่หากฝังเพชรแบบเรียงแถวกัน การฝังบนแหวนทองคำจะให้สีตัดกัน ทำให้ได้ลุคที่ดูสนุกสนาน และดูสดใสมากกว่าอย่าง แหวนเพชร INFINITE LOVE COLLECTION (YELLOW GOLD) แหวนทองฝังเพชรที่ใช้เทคนิคการฝังเพชรแบบเตยร่วมเพิ่มประกายให้กับเพชร พร้อมผสมผสานรูปแบบการดีไซน์สุดแสนน่ารัก ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ที่สวมใส่

3. การฝังเพชรแบบฝังสอด (Channel Settings)

การฝังเพชรแบบฝังสอด คือการฝังเพชรเป็นแถวเรียงต่อกัน โดยตัวเรือนจะมีขอบทองคำ หรือทองขาวขนาบอยู่สองด้าน มีช่องว่างให้สอดเพชรเข้าไปทีละเม็ด และตัวขอบจะทำหน้าที่ยึดเกาะเพชรเอาไว้ไม่ให้หลุดออก วิธีฝังเพชรแบบนี้จะช่วยเสริมให้เพชรดูใหญ่ขึ้น ส่องประกายได้สวย และดูแข็งแรงปกป้องเพชรได้ดี จึงเหมาะสำหรับแหวนที่ใช้ใส่ในชีวิตประจำวัน แต่ต้องทำโดยช่างผู้ชำนาญการเนื่องจากถ้าฝังไม่แน่นพออาจทำให้เพชรหลุดออกมาได้เลย อย่างเช่น แหวนเพชร SPARKLE COLLECTION (WHITE GOLD) แหวนเพชรทองคำขาวที่ใช้การฝังเพชรแบบฝังสอดให้กับเพชรบ่าข้าง ช่วยให้มีการสะท้อนประกายของเพชรได้อย่างโดดเด่น และเสริมให้เพชรตรงกลางดูมีขนาดใหญ่ขึ้น

การฝังเพชรแบบฝังสอดหลายเม็ด

4. การฝังเพชรแบบฝังสอดหลายเม็ด (Bar Channel Settings)

การฝังเพชรแบบฝังสอดหลายเม็ด มีลักษณะคล้ายกับแบบฝังสอดปกติ แต่เสริมความแน่นหนาในการยึดเกาะเพชรที่มากกว่า โดยมีผนังทองคำหรือทองขาวที่เป็นร่องทำหน้าที่ยึดเกาะประกบสองข้างของเพชรแต่ละเม็ดที่เรียงรายกันอยู่ ทำให้เพชรไม่สามารถหลุดออกมาได้ง่ายๆ เหมาะกับแหวนเพชรที่มีเพชรเม็ดเล็กๆ หลายเม็ด และรูปแบบแหวนที่ซับซ้อนมากกว่า อย่างเช่น แหวนเพชรล้อม HEART LOCK COLLECTION (YELLOW GOLD) ดีไซน์สวยหวานละเอียดประณีต สวมใส่ได้ง่ายในทุกโอกาส หรือจะใช้เป็นแหวนหมั้นก็สวยเลิศเช่นกัน

การฝังเพชรจิกไข่ปลา

5. การฝังเพชรจิกไข่ปลา (Pave Settings)

การฝังเพชรจิกไข่ปลา นิยมนำมาใช้ในแหวนฝังเพชรสไตล์วินเทจ แหวนที่ฝังเพชรเม็ดเล็กๆ จำนวนมากๆ หรือแหวนเพชรที่ต้องการความระยิบระยับมากเป็นพิเศษ โดยวิธีฝังเพชรแบบนี้เป็นการฝังเพชรให้จมลงไปในตัวเรือน ทำให้มีความแข็งแรงมากๆ ใส่ในชีวิตประจำวันได้สบายๆ และการจัดเรียงเพชรเม็ดเล็กๆ หลายเม็ดให้ดูกลมกลืนกัน ทำให้มีความแวววาวเป็นพิเศษ ช่วยเสริมความมั่นใจ และความเปล่งประกายให้นิ้วมือที่สวมใส่ได้ อย่างเช่น แหวนเพชรแถว DIAMOND LINE COLLECTION (YELLOW GOLD) แหวนทองฝังเพชรแท้น้ำงามสวยเก๋สไตล์มินิมอล มีความเปล่งประกายของเพชรเท่ากันทุกเม็ด สวมใส่ได้ทุกวัน ทุกโอกาส หรือจะให้เป็นของขวัญกับคนพิเศษก็ได้เช่นกัน

การฝังเพชรแบบหุ้ม

6. การฝังเพชรแบบหุ้ม (Bezel Settings)

การฝังเพชรแบบหุ้ม ถือว่าเป็นวิธีฝังเพชรที่แน่นหนาแข็งแรงมากที่สุด เหมาะกับแหวนทองคำ และแหวนทองขาว โดยเป็นการนำเอาทองคำ หรือทองขาวมาหุ้มขอบรอบเพชรทั้งเม็ด ทำให้ขนาดเพชรดูใหญ่ขึ้นได้ และช่วยป้องกันไม่ให้เพชรถูกกระแทกจากวัตถุอื่นๆ รวมถึงเวลาสวมใส่จะไม่เกี่ยวเสื้อผ้า และหากเพชรมีตำหนิที่ขอบเล็กน้อยก็สามารถปกปิดได้อีกด้วย แต่เนื่องจากวิธีนี้ต้องมีทองหุ้มอยู่รอบเพชร ทำให้แสงตกกระทบลงมาที่เพชรได้ไม่มากนัก จึงควรใช้เพชรที่มีลักษณะเป็นเหลี่ยมแบบ Heart & Arrow ถึงจะช่วยให้เพชรเล่นไฟได้อย่างสวยงาม อย่างเช่น แหวนเพชร MINIMAL COLLECTION (WHITE GOLD) แหวนทองขาวฝังเพชรสไตล์มินิมอล ฝังเพชรเม็ดเล็กให้ลุคเบาๆ แต่ดูทันสมัยเป็นสาวสายแฟชั่น

การฝังเพชรแบบหนีบ

7. การฝังเพชรแบบหนีบ (Tension Settings)

การฝังเพชรแบบหนีบ เป็นการยึดเกาะเพชรจากสองฝั่งคล้ายกับการหนีบเพชรเอาไว้ นิยมใช้สำหรับแหวนเพชรคุณผู้ชาย หรือแหวนเพชรแบบเรียบๆ สำหรับใส่ในชีวิตประจำวันของคุณผู้หญิง การฝังเพชรวิธีนี้จะทำให้เพชรเล่นไฟได้ระยิบระยับ แต่การใช้งานต้องมีความระมัดระวังสักเล็กน้อย เนื่องจากมีพื้นที่ยึดเกาะของเพชรน้อย หากถูกกระแทกรุนแรงอาจทำให้เพชรขยับได้ อย่างเช่น แหวนเพชร FOREVER COLLECTION (YELLOW GOLD) แหวนเพชรสไตล์โมเดิร์น เรียบง่ายแต่ดูโฉบเฉี่ยว ช่วยเสริมบุคลิกให้กับคุณในทุกๆ วัน

การฝังเพชรแบบเหยียบหน้า

8. การฝังเพชรแบบเหยียบหน้า (Flush Settings)

การฝังเพชรแบบเหยียบหน้าจะคล้ายกับวิธีการฝังหุ้ม แต่จะมีการฝังเพชรจมลงไปให้เรียบเสมอกับตัวเรือน ทำให้ปกป้องเพชรได้ดีมากกว่า เหมาะกับแหวนเพชรเม็ดไม่ใหญ่มากนัก แต่การส่องประกายอาจไม่มากเท่าวิธีฝังเพชรแบบอื่นๆ ซึ่งการฝังเพชรแบบเหยียบหน้าจะเหมาะกับแหวนทองขาว หรือแหวนเงินที่มีสีเนียนไปกับเพชร ช่วยให้ได้ลุคที่เรียบๆ สบายๆ แต่ดูมีอะไร อย่างเช่น แหวนเพชรผู้ชาย แหวนเกลี้ยง CLASSY COLLECTION (WHITE GOLD) ดีไซน์เรียบหรูใส่เข้ากับทุกสไตล์การแต่งตัว เสริมบุคลิกได้ในทุกวัน หรือจะใช้เป็นแหวนหมั้นสำหรับเจ้าบ่าวก็เหมาะไม่น้อย

การฝังเพชรไร้หนาม

9. การฝังเพชรไร้หนาม (Invisible Settings)

การฝังเพชรไร้หนาม เป็นการฝังที่ไม่มีการบดบังความงดงามของเพชรเลย มักใช้กับเพชรรูปทรงสี่เหลี่ยม หรือสามเหลี่ยม ถือเป็นรูปแบบการฝังเพชรที่ยากมากที่สุด โดยตัวเรือนจะมีลักษณะคล้ายกับตาข่ายไว้รองรับเพชรแต่ละเม็ด และมีโลหะที่ทำหน้าที่ล็อกเพชรเอาไว้ การจัดเรียงเพชรจะคล้ายตาราง และไม่เห็นขอบกั้นระหว่างเพชรแต่ละเม็ด หน้าเพชรจะเรียบทำให้ลดโอกาสในการกระทบวัตถุอื่นๆ จนเกิดเป็นรอย จึงสวมใส่ได้สบายแบบไร้กังวล อย่างเช่น แหวนเพชรแถว TWIST COLLECTION (WHITE GOLD) ที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ และมีความแปลกใหม่ พร้อมประดับด้วยเพชรแท้ถึง 62 เม็ดเรียงตัวกันอย่างงดงาม ช่วยเสริมบุคลิก และความสวยโดดเด่นให้กับคุณ

 

การฝังเพชร คือ เทคนิคที่ช่วยให้เพชรติดทนอยู่บนแหวน โดยสามารถฝังเพชรได้กับทั้งแหวนเงิน แหวนทองขาว และแหวนทองคำ วิธีฝังเพชรยอดนิยมมีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การฝังเพชรหนามเตย การฝังเพชรแบบเตยร่วม การฝังเพชรแบบฝังสอด การฝังเพชรแบบฝังสอดหลายเม็ด การฝังเพชรจิกไข่ปลา การฝังเพชรแบบหุ้ม การฝังเพชรแบบหนีบ การฝังเพชรแบบเหยียบหน้า และการฝังเพชรไร้หนาม ซึ่งแต่ละแบบตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ความสวยงามที่แตกต่างกัน ควรเลือกแหวนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้งาน และเลือกแบบที่สวมใส่แล้วรู้สึกมั่นใจ 

ถ้ายังไม่แน่ใจว่าแหวนแบบไหนจะเหมาะกับตัวเอง ที่ AURORA Diamond เรามีแหวนทองคำแท้ 18K ทั้งทองขาว และทองคำ มีดีไซน์ที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกสไตล์ที่ต้องการ มีการฝังเพชรแบบต่างๆ ให้โดดเด่น และมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน พร้อมมีบริการให้คำแนะนำ ปรึกษา บริการล้างทำความสะอาด และบริการซ่อมฟรีตลอดการใช้งานเลยทีเดียว

tags

Facebook Messenger
Line